เมนู

อัฏฐกนิบาตชาดก



1. กัจจานิวรรค



1. กัจจานิชาดก



ว่าด้วยในกาลไหน ๆ ธรรมย่อมไม่ตาย



[1121] ดูก่อนแม่กัจจานี ท่านสระผม นุ่งห่ม
ผ้าขาวสะอาด ยกถาดสำหรับนึ่ง ขึ้นบนเตา
ที่ทำด้วยศีรษะมนุษย์ ยีแป้ง ล้างงา ซาว
ข้าวสารทำไม ข้าวสุกคลุกงา จะมีไว้เพื่อเหตุ
อะไร ?
[1022] ดูก่อนพราหมณ์ ข้าวสุกคลุกงา ที่ทำ
ให้สุกดีนี้ มิใช่เพื่อบริโภคเอง ธรรมคือความ
อ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ และธรรมคือสุจริตสาม-
ประการ ได้สูญไปแล้ว วันนี้ข้าพเจ้าจักทำการ
บูชาธรรมนั้น ในกลางป่าช้า.
[1123] ดูก่อนแม่กัจจานี เธอจงตริตรองก่อน
แล้วจึงทำการงาน ใครบอกเธอว่า ธรรมสูญ

เสียแล้ว ธรรมอันประเสริฐ เปรียบด้วยท้าว
สหัสสเนตร นี้อานุภาพหาที่เปรียบมิได้ ย่อม
ไม่ตายในกาลไหน ๆ.
[1124] ข้าแต่ท่านผู้ประเสริฐ ในข้อที่ว่า ธรรม
สูญแล้วนี้ ข้าพเจ้านึกมั่นใจเอาเอง ในข้อที่ว่า
ธรรมไม่มีสูญนี้ ข้าพเจ้ายังสงสัย เพราะ
เดี๋ยวนี้ คนมีบาปย่อมมีความสุข.
เช่นหญิงสะใภ้ของข้าพเจ้าเป็นหญิงหมัน
นางทุบตีขับไล่ข้าพเจ้าแล้วคลอดบุตร เดี๋ยวนี้
นางได้เป็นใหญ่แห่งตระกูลทั้งหมด ข้าพเจ้า
ถูกทอดทิ้ง ไม่มีที่พึ่งอยู่คนเดียว.
[1125] เรายังเป็นอยู่ ยังไม่ตาย เรามาในที่นี้
เพื่อประโยชน์สำหรับท่านโดยเฉพาะ หญิง
สะใภ้คนใดทุบตีขับไล่ท่าน แล้วคลอดบุตร
เราจักทำหญิงสะใภ้คนนั้นพร้อมทั้งบุตร ให้
เป็นเถ้าธุลีเดี๋ยวนี้.
[1126] ข้าแต่เทวราช พระองค์ทรงพอพระทัย
เสด็จมาในที่นี้ เพื่อประโยชน์สำหรับหม่อมฉัน

โดยเฉพาะอย่างนี้ ขอให้หม่อมฉัน บุตร
ลูกสะใภ้ และหลานได้อยู่เรือนร่วมกันโดย
ความบันเทิงเถิด.
[1127] ดูก่อนแม่กาติยานี เธอชอบใจเช่นนั้น
ก็ตาม เธอถึงจะถูกทุบตีขับไล่ ก็ไม่ละธรรม
คือความเมตตา ขอให้เธอพร้อมทั้งบุตร ลูก
สะใภ้และหลาน จงอยู่ร่วมเรือนกัน โดยความ
บันเทิงเถิด.
[1128] นางกาติยานีได้อยู่ร่วมเรือนกับลูกสะใภ้
ด้วยความบันเทิง ทั้งลูกและหลานต่างช่วยกัน
บำรุงเลี้ยง เพราะท้าวสักกเทวราชทรงอนุ-
เคราะห์.

จบ กัจจานิชาดกที่ 1

อรรถกถาชาดก


อัฏฐกนิบาต


อรรถกถากัจจานิวรรคที่ 1



อรรถกถากัจจานิโคตตชาดกที่ 1



พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
อุบาสกผู้เลี้ยงมารดาคนหนึ่ง จึงได้ตรัสเรื่องนี้มีคำเริ่มต้นว่า โอทาต-
วตฺถา สุจิ อลฺลเกสา
ดังนี้.
ได้ยินว่า อุบาสกผู้เลี้ยงมารดานั้น เป็นลูกผู้ดีเมืองสาวัตถี เป็น
คนมีมรรยาทดี เมื่อบิดาตายแล้วเขาบูชามารดาเหมือนเทวดา บำรุง
มารดาด้วยการขวนขวายจัดน้ำล้างหน้า บ้วนปาก ไม้สีฟัน น้ำอาบ
น้ำล้างเท้าเป็นต้น และด้วยข้าวยาคูแลภัตรเป็นอาทิ. ครั้งหนึ่งมารดา
กล่าวกะเขาว่า ลูกรัก เจ้ามีการงานซึ่งเป็นเรื่องของฆราวาสมากมาย จง
พาหญิงที่มีตระกูลเสมอกันคนหนึ่งเป็นภรรยาเขาจักเลี้ยงดูแม่ ส่วนเจ้า
จักได้ทำการงานของตัวไป. เขากล่าวว่า ดูก่อนแม่ ฉันหวังประโยชน์สุข
สำหรับตน จึงบำรุงเลี้ยงแม่ คนอื่นใครเล่าจักบำรุงเลี้ยงได้อย่างนี้.
มารดากล่าวว่า ลูกรัก เจ้าควรทำการงานที่ให้ตระกูลเจริญ. เขากล่าวว่า
ฉันไม่ต้องการครองเรือน ฉันจักบำรุงเลี้ยงแม่ เวลาแม่สิ้นชีพแล้วฉัน
จักบวช. ลำดับนั้น มารดาของเขาแม้อ้อนวอนบ่อย ๆ ก็ไม่ได้ดังใจ